วิธีสังเกตอาการโรคตับเริ่มแรก สัญญาณเตือนจากร่างกายที่ไม่ควรมองข้าม
ตับเป็นอวัยวะที่ความสำคัญมาก ตับไม่เพียงช่วยกำจัดสารพิษและของเสียออกจากร่างกาย แต่ยังผลิตน้ำดีที่ช่วยในการย่อยอาหาร รวมถึงควบคุมการเผาผลาญพลังงานอีกด้วย
แต่ถึงอย่างนั้น ตับก็เป็นอวัยวะที่เงียบมาก หรือก็คือ อาการเริ่มต้นของโรคตับมักจะไม่แสดงอาการ เราอาจดำรงชีวิตไปตามปกติ โดยไม่รู้เลยว่าตับมีความผิดปกติ จนกระทั่งวันหนึ่งที่ตับเริ่มทำงานลดลง ตอนนั้นแหละค่ะที่อาการของโรคเพิ่งแสดงออกมา ซึ่งกว่าจะแสดงอาการผู้ป่วยก็มักจะอยู่ในระยะตับแข็งไปแล้ว
ดังนั้น เราควรรู้จัก อาการโรคตับเริ่มแรก เพื่อรู้เท่าทันสุขภาพของตัวเองกันค่ะ!
สัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม
- อาการอ่อนเพลียและเหนื่อยง่าย: หากคุณรู้สึกเหนื่อยล้าโดยไม่มีสาเหตุชัดเจน ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ทำกิจกรรมหนัก นี่อาจเป็นสัญญาณว่าตับกำลังทำงานหนักเกินไป เนื่องจากตับมีบทบาทในการผลิตพลังงานและกำจัดสารพิษ เมื่อมันทำงานผิดปกติ ร่างกายจะรู้สึกอ่อนเพลีย
- อาการคลื่นไส้และอาเจียน: ความรู้สึกคลื่นไส้หรืออาเจียนบ่อยครั้งโดยไม่มีสาเหตุชัดเจน อาจเกิดจากการสะสมของสารพิษในร่างกายเนื่องจากตับทำงานไม่เต็มที่
- ภาวะผิวเหลืองตาเหลือง (ดีซ่าน): เมื่อร่างกายมีสารบิลิรูบินมากเกินไป เนื่องจากตับไม่สามารถขับสารนี้ได้อย่างปกติ จะทำให้ผิวหนังและตาขาวมีสีเหลืองจนสังเกตได้
- ปัสสาวะสีเข้ม: หากปัสสาวะมีสีน้ำตาลเข้มหรือสีส้ม อาจเป็นสัญญาณว่าตับทำงานไม่เต็มที่ ทำให้บิลิรูบินถูกขับออกมาพร้อมปัสสาวะ
- ท้องอืดและรู้สึกว่ามีแก๊สในกระเพาะบ่อย ๆ: เมื่อการทำงานของตับลดลง อาจส่งผลให้ร่างกายผลิตน้ำดีน้อยลง ทำให้ย่อยอาหารได้ไม่ดี มีอาการท้องอืดและมีแก๊สในกระเพาะอาหาร
สาเหตุที่พบบ่อย
อย่างที่ทราบกันมาว่า การดื่มแอลกอฮอลล์ หรือ กินยาเกินขนาดเกินไป จะทำให้ตับทำงานหนัก ส่งผลให้เกิดโรคตับได้ แต่จะมีสาเหตุอื่นๆอีกไหม? ที่จะส่งผลกระทบต่อการทำงานของตับ การทำความเข้าใจสาเหตุของโรคตับเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันและรักษาโรคตับได้แต่เนิ่นๆ
- การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ: ไวรัสตับอักเสบชนิดบีและซีเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดโรคตับอักเสบและตับแข็ง การติดเชื้อไวรัสเหล่านี้สามารถนำไปสู่การอักเสบของตับและความเสียหายของเนื้อตับ
- การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ: การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากและต่อเนื่องเป็นเวลานาน จะทำให้มีไขมันสะสมในตับ เกิดการอักเสบและเกิดพังผืดในตับ และเมื่อตับอักเสบนาน ๆ เข้าก็จะก่อให้เกิดภาวะตับแข็งตามมา
- ภาวะไขมันพอกตับ: การบริโภคอาหารที่มีไขมันสูงและการมีภาวะอ้วน ทำให้เกิดการสะสมของไขมันที่ตับ นำไปสู่ภาวะไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้ตับอักเสบเรื้อรังจนกลายเป็นโรคตับแข็ง
- การใช้ยาบางประเภทหรือสารพิษต่อเนื่องเป็นเวลานาน: การได้รับยาบางชนิดในปริมาณสูง หรือติดต่อกันเป็นเวลานาน ตับก็จะไม่สามารถทำลายได้ทัน เหลือเป็นส่วนเกินและมีฤทธิ์ทำลายเนื้อตับ ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อตับจนกลายเป็นภาวะตับวายได้
การป้องกันและดูแลตับให้แข็งแรง
เมื่อเราทราบว่าสาเหตุของโรคตับมีอะไรบ้างแล้ว ก็ถึงเวลาที่ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเอง สุขภาพตับเป็นเรื่องที่หลายคนอาจละเลย เพราะ โรคตับในระยะแรกมักไม่มีอาการ เมื่อมีอาการป่วย โรคตับที่เป็นอยู่ก็เข้าขั้นรุนแรงแล้ว ทางที่ดีควรเริ่มต้นดูแลตั้งแต่วันนี้ ปรับเปลี่ยนนิดหน่อย แต่ได้ผลดีในระยะยาว ดีกว่าต้องทรมานกับโรคภัยที่ป้องกันได้ตั้งแต่แรก
- เริ่มจากเรื่องอาหารการกินก่อนเลยค่ะ การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เป็นพื้นฐานสำคัญของสุขภาพที่ดี ควรลดอาหารที่มีไขมันสูง เช่น ของทอด อาหารปิ้งย่าง และอาหารที่ใช้น้ำมันเยอะๆ รวมถึงผลิตภัณฑ์จากนมที่มีไขมันสูงอย่างเนย กะทิ และชีส
- นอกจากนี้อาหารทะเลบางชนิดที่มีคอเลสเตอรอลสูง เช่น กุ้ง ปูไข่ หรือไข่แดง ก็ควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม
- เพราะการสะสมไขมันในตับมากเกินไปอาจเป็นสาเหตุของภาวะไขมันพอกตับ ซึ่งเป็นหนึ่งในต้นเหตุของปัญหาตับเรื้อรัง - เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การดื่มเป็นประจำ ไม่ว่าจะมากหรือน้อย ก็มีผลต่อตับทั้งนั้น หากสามารถลดหรือเลิกได้จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคตับอักเสบและตับแข็งได้อย่างมาก
- การรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม และการออกกำลังกายเป็นประจำก็เป็นอีกหนึ่งทางที่ช่วยลดภาระของตับ ไม่ให้เกิดภาวะไขมันพอกตับ
ถ้าท่านไหนอยากหันมาดูแลสุขภาพตับ หรือเริ่มรู้สึกว่ามี อาการโรคตับเริ่มแรก แล้วไม่แน่ใจว่าควรทำยังไง ลองแวะมาปรึกษาที่ พร้อมแพทย์คลินิก สุราษฎร์ธานี ได้นะคะ ที่นี่มีคุณหมอเฉพาะทางคอยดูแล ให้คำแนะนำและตรวจสุขภาพตับอย่างละเอียด
คลินิกเปิดให้บริการทุกวัน จันทร์ - ศุกร์ เวลา 17.00 - 19.30 น. และ เสาร์ - อาทิตย์ เวลา 08.30 - 12.00 น. อยู่ตรงข้ามตลาดศรีราชา สอบถามเพิ่มเติมหรือจองคิวตรวจสุขภาพ โทร 069-645-5565 หรือ 091-461-9130
